วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

นายกฯจ่อเพิ่มวงเงินประมูลฮัลโหล3จี

Pic_95241

นายกรัฐมนตรี ระบุ การเพิ่มวงเงินประมูลมือถือ 3 จี ต้องประเมินมูลค่าของใบอนุญาต ชี้ ต้องเร่งเปิดใช้บริการ หวั่น ล่าช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน...

วันที่ 10 ก.ค. 2553 ที่ห้องรับรองสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการเปิดประมูลโครงการโทรศัพท์ระบบ 3 จี ว่า เรื่องทั้งหมดเป็นอำนาจของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ในการดำเนินการ แต่เคยให้ความเห็นไปว่า อยากจะให้การประมูลในที่สุดแล้วประโยชน์จะต้องเกิดกับประชาชน หมายถึงว่า ควรที่จะได้รับบริการอย่างทั่วถึง ราคาไม่แพง จะต้องดูแลให้การแข่งขันในธุรกิจนี้สามารถที่จะเป็นไปได้อย่างเป็นธรรม

“ประเด็นที่มาพันกับทางกระทรวงการคลัง หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือมีบริษัทที่ประกอบกิจการอยู่ หรือ รับสัมปทานอยู่ เขาอาจจะถ่ายโอนลูกค้าระหว่างบริการนี้ไปยังระบบ 3 จี หากเขาเป็นผู้ที่ประมูลได้ กระทรวงการคลังเองมีแนวคิดที่ในเรื่องของการที่จะแก้ปัญหาสัญญาสัมปทานต่าง ๆ อยู่ก็คงอยากจะให้มันสอดคล้องกันแต่ทั้งหมดเป็นอำนาจของ กทช.” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ต่อข้อถามว่า มีการเสนอให้มีการเพิ่มวงเงินในการประมูลโครงการ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้ ต้องมีการมาประเมินมูลค่าของใบอนุญาตหากมีการประมูล และ ความไม่ชัดเจนในเรื่องการประมูลหรือการเปิดโครงการนี้ ทำให้ประเทศไทยล่าช้ากว่า ประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องการเปิดใช้โทรศัพท์ระบบ 3 จี แต่เราเองก็ไม่อยากที่จะให้ช้า และทาง กทช. ก็ต้องสร้างความมั่นใจว่า ถ้าจะเดินหน้าประมูลแล้วประโยชน์สูงสุดเกิดขึ้นจริงกับประชาชน

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ควรจะเปิดโอกาสให้กับบริษัทเอกชนรายใหม่ ได้มีโอกาสในการเข้ามาประมูลโครงการบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าหลักก็คือถ้าสามารถส่งเสริมให้มีการแข่งขันได้จะยิ่งดีเพราะถ้าส่งเสริมมาก น่าจะเสนอเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้มากขึ้น

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

จดหมายเปิดผนึกถึงกทช. เรื่องความเห็นต่อการออกใบอนุญาตบริการ 3G

เมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมาทางกทช. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเรื่องร่างหลักเกณฑ์การอนุญาตประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ไปแล้ว ในตอนนั้นผมได้ร่างความเห็นและประเด็นที่ผมกังวลให้ mk และคนในกลุ่มบางคนไป แต่เนื่องจากงานในวันนั้นคนเยอะมาก mk ซึ่งไปร่วมงานจึงไม่ได้ขึ้นพูด แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะทางกทช. เปิดให้เราส่งอีเมลเข้าไปได้

บทความนี้จึงเป็นประเด็นต่างๆ ที่ผมกังวลถึงหลักเกณฑ์ในประเด็นต่างๆ ที่อาจจะมีปัญหาในอนาคตได้ โดยมี 2 ประเด็นคือการใช้งาน Femtocell และเกณฑ์การควบคุมคุณภาพบริการ

Femtocell

ขณะที่ร่างฉบับนี้สนับสนุนการแข่งขันค่อนข้างดีในหลักการ เช่นการสนับสนุนการแบ่งปันเครือข่าย และการทำ MVNO อย่างไรก็ตามมีประเด็นเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วนั่นคือ Femtocell

Femtocell (Femto Forum) เป็นเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความครอบคลุมของสัญญาณที่ยังคงมีปัญหาจนทุกวันนี้แม้ในประเทศที่มีการติดตั้งเครือข่าย 3G ไปนานแล้วอย่างออสเตรเลีย โดยการเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถตั้งเสาบริการ 3G ขนาดเล็กกำลังส่งมักไม่เกิน 20mW และรองรับเครื่องลูกข่ายได้เพียง 2-16 เครื่อง โดยเชื่อมต่อไปยังผู้ให้บริการผ่านทางเครือข่ายมีสายเช่น ADSL และเนื่องจากผู้ใช้ต้องติดตั้งเครือข่ายเอง ผู้ให้บริการมักตอบแทนด้วยค่าโทรที่ถูกลง เช่น AT&T นั้นเปิดให้ผู้เปิดบริการ AT&T 3G Microcell สามารถโทรจากเสาในบ้านของตนได้ไม่จำกัด

บริการจาก Femtocell นั้นทำให้เกิดการติดตั้งที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นการติดตั้งไปยังบ้านหรือตำแหน่งของผู้ใช้งานโดยตรง

ข้อสังเกต

ดูเหมือนร่างหลักเกณฑ์ของกทช. ฉบับนี้ไม่ได้ตระหนักถึงบริการเช่นนี้นัก โดยไม่มีความชัดเจนว่าผู้ได้รับใบอนุญาตจะสามารถอนุญาตให้ผู้ใช้งานรายย่อยติดตั้งเสาสัญญาณในบ้านหรือในบริษัทได้หรือไม่ หรือหากทำได้ จะติดกฏเกณฑ์ในเรื่องของการทำ Roaming และ MVNO ไปด้วยทำให้เกิดความยุ่งยากต่อการเปิดบริการนี้จนอาจจะทำไม่ได้ในทางปฎิบัติ

ข้อเสนอแนะ

กทช. ควรเปิดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตสามารถให้อนุญาตแก่ผู้ใช้บริการรายย่อย อนุญาตให้มีการคิดค่าบริการเป็นกรณีพิเศษเพื่อเป็นการต่างตอบแทนให้กับผู้ใช้ รวมถึงการทำให้เกิดความชัดเจนในการแบ่งปันเครือข่ายเพื่อให้ไม่เป็นการปิดกั้นบริการเช่นนี้ และบริการรูปแบบอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

การรับประกันความเร็ว

ร่างหลักเกณฑ์นี้มีการกำหนดคุณภาพการบริการไว้ว่า "ผู้รับใบอนุญาตจะต้องรองรับอัตราการส่งข้อมูลด้าน downlink (ความเร็วในการส่งข้อมูลผ่านอากาศจากสถานีฐานไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้บริการ) ได้ไม่น้อยกว่า 700kbps"

ข้อสังเกต

เกณฑ์นี้มีข้อน่าสังเกต 3 ประการ

  1. ไม่มีการกำหนดความหน่วง (latency) ของข้อมูล
  2. ไม่มีการกำหนดความเร็วขาขึ้น (Uplink)
  3. ไม่เปิดกว้างให้ผู้ได้รับใบอนุญาตสามารถให้บริการที่ความเร็วที่ต่ำกว่ากำหนด หากมีการตกลงไว้ล่วงหน้า

โดยทั่วไปแล้วเมื่อเราพูดถึงบริการ 3G เรามักพูดถึงบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น ข้อกำหนดความเร็วฝั่ง downlink แต่เพียงอย่างเดียวดูเหมือนจะให้ความสนใจต่อบริการดั้งเดิมเช่น HTTP, FTP ฯลฯ มากกว่าบริการใหม่ๆ

ขณะที่บริการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับ 3G นั้นมักเป็นบริการที่ต้องการการรับประกันความหน่วง เช่น VoIP (Skype, Google Talk, SIP), หรือกระทั่ง Twitter, Instant Messaging ต่างๆ และอีกหลายบริการที่ต้องการความเร็วในการอัพโหลดที่สูงเช่น บริการถ่ายทอดสด (Qik, Twitvid, YouTube) การร่างโดยไม่กำหนดความเร็วทั้งสองรูปแบบเอาไว้เป็นการเปิดช่องให้ผู้บริการสามารถปิดกั้นบริการเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ เช่นบริการ VoIP นั้นโดยทั่วไปยอมรับความหน่วงได้ไม่เกิน 250ms ในทางปฎิบัติแล้วบริการ 3G ในไทยตอนนี้จาก TOT ก็มีความหน่วงอยู่ที่ 100-180ms เท่านั้น

อีกประเด็นหนึ่งคือการไม่เปิดให้ผู้ให้บริการสามารถให้บริการที่ความเร็วต่ำๆ ได้ อาจจะเป็นปัญหาที่ตกถึงตัวผู้ใช้เอง บริการเช่น TOT 3G ทุกวันนี้ไม่มีแพ็กเกจการใช้งานแบบไม่จำกัด และมีค่าใช้จ่ายต่อ MB ค่อนข้างสูง เป็นข้อจำกัดต่อบริการที่ต้องการการออนไลน์ตลอดเวลา ขณะที่บริการเหล่านี้มีจำนวนมากที่ไม่ต้องการความเร็วสูงนัก เช่นอีเมล, Instant Messaging, Social Network (Facebook), Microblogging (Twitter) ฯลฯ ผู้ให้บริการสามารถที่จะให้บริการความเร็วต่ำแต่เก็บค่าบริการต่ำมาก เช่น Sonera ในฟินแลนด์ที่เก็บค่าบริการการใช้งานแบบไม่จำกัดเพียง 4 ยูโรต่อเดือน (160 บาท) แต่ให้ความเร็วเต็มที่เพียง 40MB แรก แต่หลังจากนั้นจะจำกัดความเร็วเหลือ 64kbps การเปิดกว้างเช่นนี้ทำให้คนมีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงบริการข้อมูลในค่าใช้จ่ายที่ต่ำมากได้

ข้อเสนอแนะ

ควรเปลี่ยนความเร็วในร่างหลักเกณฑ์นี้เป็นความเร็วเพื่อใช้วัดพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมแล้วเท่านั้น และเปิดให้ผู้ให้บริการสามารถทำความตกลงกับผู้ใช้บริการถึงความเร็ว และเงื่อนไขของการใช้บริการได้ ตามเวลาและสภาวะการใช้งานที่เปลี่ยนไป

มือถือ Android ราคาถูกจะบุกตลาดเอเชียในเร็ววัน

Andy Rubin "บิดาแห่ง Android" ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร BusinessWeek

  • กูเกิลกำลังทำงานร่วมกับ LG และ Huawei ในการส่ง "มือถือ Android ราคาถูก" ทำตลาดเอเชียและยุโรป โดยมีเป้าหมายคือแย่งส่วนแบ่งตลาดมาจากโนเกีย ซึ่งเป็นเจ้าแห่งตลาดล่างมานาน
  • ผู้ผลิตมือถือรายเล็กอย่าง MediaTek ของไต้หวัน จะวางขายมือถือ Android ราคา 70 ดอลลาร์ (2,200 บาท เป็นราคาที่ส่งให้โอเปอเรเตอร์)
  • ตอนงาน Google I/O เดือนพฤษภาคม กูเกิลบอกว่ามีคนเปิดใช้ Android ใหม่วันละ 100,000 ราย ตอนนี้ตัวเลขเพิ่มเป็น 160,000 รายในเดือนมิถุยายน
  • กูเกิลจะเพิ่มช่องทางทำเงินอื่นๆ ให้นักพัฒนา เช่น การซื้อของภายในโปรแกรม (ตัวอย่างคือไอเทมในเกม) หรือการสมัครสมาชิก (กรณีของนิตยสาร) อันนี้คงตามแนวทางของ App Store ของแอปเปิล

ที่มา - BusinessWeek blognone

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

โตชิบาสร้างมาตรฐาน SDHC+Wi-Fi, อาจจะหมดยุคของ Eye-Fi

ทุกวันนี้หากเราต้องการส่งภาพในกล้องออกไปยังเว็บต่างๆ โดยไม่ต้องเสียบสาย ทางเลือกเดียวของเราคือการ Eye-Fi ที่สามารถตัั้งค่าปลายทางของเว็บที่เราต้องการอัพโหลดภาพ แล้วตัวการ์ดจะอัพโหลดให้เองเมื่อต่ออินเทอร์เน็ตได้ แต่ทางโตชิบาร่วมกับ Trek 2000 ก็ได้ประกาศความพยายามที่จะสร้างมาตรฐานของการ์ดแบบเดียวกันนี้แล้ว

ทางโตชิบาตั้งชื่อกลุ่มมาตรฐานนี้ว่า "Standard Promotion Forum for Memory Cards Embedding Wireless LAN" โดยเชิญชวนผู้ผลิตหลายๆ รายเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลจากผู้ผลิตและผู้สนใจ โดยเฉพาะผู้ผลิตกล้อง

ตัวการ์ดที่ทาง โตชิบาและ Trek วางไว้นั้นจะมีหน่วยความจำ 8GB และการ์ด 802.11/b/g ในตัว มันจะสามารถส่งข้อมูลขึ้นเซิร์ฟเวอร์ที่กำหนด หรือส่งไปมาระหว่างกล้องได้

ที่โตชิบาออกมาลุยเทคโนโลยีนี้อาจจะเป็นเพราะ Eye-Fi เริ่มดึงความสนใจผู้ผลิตกล้องได้ในช่วงหลัง โดยแคนนอนเองเริ่มผลิตกล้องที่มีเมนูสำหรับ Eye-Fi โดยเฉพาะทำให้สามารถเข้าควบคุมการ์ดได้โดยไม่ต้องผ่านคอมพิวเตอร์ เช่นกล้อง EOS 550D

ตัวการ์ดไม่แน่ใจว่าจะออกมาเมื่อใหร่ หรือราคาเท่าใหร่ แต่อย่างน้อยให้มันหาซื้อในเมืองไทยง่ายๆ ผมก็พอใจแล้ว

ที่มา - Engadget blognone

ต่อไป VoIP จะอยู่ทุกหนทุกแห่ง เมื่อ Skype เปิด SkypeKit SDK

Skype บริการ VoIP ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เปิดตัว SDK สำหรับเชื่อมต่อกับเครือข่ายของ Skype ซึ่งจะส่งผลให้อุปกรณ์หรือโปรแกรมใดๆ สามารถคุย Skype ได้ด้วยแรงของนักพัฒนาภายนอก

ในอดีตที่ผ่านมา ยุทธศาสตร์ของ Skype คือเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ที่คุย Skype ให้ได้มากที่สุด เราเลยเห็น Skype เวอร์ชันต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะบนมือถือหรือเครื่องเล่นเกม แต่ท่าทาง Skype จะยังไม่พอใจเลยต้องเปิด SkypeKit เป็น SDK ให้นักพัฒนาอื่นๆ ใช้อีกต่อหนึ่ง

ตอนนี้ SkypeKit มีให้ดาวน์โหลดแล้วบนลินุกซ์ (เราจะได้เห็นโปรแกรมตระกูล IM อย่าง Pidgin ที่คุย Skype ได้เสียที?) ส่วนเวอร์ชันวินโดวส์และแมคจะตามมาในอีกไม่ช้า

ในโลกของ VoIP มีคู่แข่งอีกไม่น้อย ทั้งพวกที่ใช้ SIP เพียวๆ หรือคู่แข่งอย่าง Google Talk, FaceTime แต่ Skype มีจุดแข็งที่ฐานผู้ใช้กว่า 500 ล้านราย (พูดง่ายๆ ว่ามีโอกาสที่จะคุย Skype ได้มากกว่าคุย FaceTime มาก)

ที่มา - Skype Blog, TechCrunch blognone

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สงครามบริการ Cloud Gaming กำลังจะเกิดขึ้น

มาแรงจริง ๆ ครับ สำหรับเทคโนโลยี Cloud Computing วงการเกมส์ก็ได้นำเอาเทคโนยีนี้มาใช้กับเค้าเหมือนกัน ผมเลยรวบรวมจับมาเขียนกันสด ๆ เลย โดยเริ่มต้นจาก 2 ผู้บุกเบิกในสงครามนี้ คือ Gaikai กับ Onlive ที่ได้พัฒนาระบบออกมาเสร็จเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ผมขอสรุปให้ทุกท่านทราบก่อนครับว่า Cloud Gaming เป็นอย่างไร

Cloud Gaming คือการให้บริการเกมส์และเนื้อหาเกมส์ทุกรูปแบบโดยใช้เทคโนโลยี Cloud Computing โดยตัวระบบเน้นการประมวลผลในเรื่องกราฟิกแทนเครื่องผู้ใช้งานเป็นหลัก ส่วนข้อมูลเชิงเทคนิคยังไม่ถูกเปิดเผย

บริการ Cloud Gaming ที่กำลังจะเปิดตัว ได้แก่

  1. บริการ Games On-demand ที่ให้เราเลือกเล่นเกมส์ใด ๆ ไม่ว่าจะเล่นคนเดียวหรือหลาย ๆ คนพร้อมกัน
  2. บริการ Demo Games ก่อนซื้อ ที่จะทดลองเล่นคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ด้วย
  3. บริการชมการเล่นเกมส์ของผู้เล่นคนอื่น ๆ กันแบบสด ๆ เราสามารถดูใคร ๆ เล่นเกมส์ได้
  4. เราสามารถบันทึกและเผยแพร่รูปแบบการเล่นเกมส์ของเราได้ด้วย
  5. บริการเนื้อหาเกมส์ใหม่ ๆ เช่น Trailers

จุดเด่นของ Cloud Gaming ได้แก่

  1. บริการทั้งหมดข้างต้น ใช้เวลาสตรีมมิ่งประมาณหนึ่งนาทีหรือน้อยกว่า ก็เริ่มเกมส์ได้แล้ว (เค้าโฆษณาว่าแบบนี้)
  2. ใช้เพียง Web Browser เป็นส่วนติดต่อกับผู้ใช้งาน แต่จะต้องติดตั้ง Plug-in ก่อน เท่าที่ทราบจะใช้อย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง Flash, Java หรือ Silverlight
  3. ไม่ต้องดาวน์โหลดและติดตั้งเกมส์ก่อนเล่นแต่อย่างใด นับว่าเป็นจุดเด่นของเทคโนโลยี Cloud Computing
  4. ไม่ต้องการ Hardware ระดับสูง โดยเฉพาะ Graphic Card แต่ต้องการ Broadband Internet
  5. สามารถเชื่อมต่อกับจอ TV ได้ แต่จะต้องใช้ Adapter พิเศษช่วยควบคุม
  6. คุณภาพของบริการเป็นแบบ Full resolution พร้อมระบบเสียง Stereo และ กระตุกน้อยมาก
  7. สนับสนุนทั้งบน Windows, Linux และ Mac

ข่าวดีสำหรับใครที่มี iPad ก็สามารถใช้บริการนี้ได้เช่นกัน โดยหนึ่งในผู้ก่อตั้งค่าย Gaikai ได้สาธิตการเล่น World of Warcraft บน iPad ผ่าน Streaming Worlds ของ Gaikai แต่ยังทำเฟรมเรตได้ไม่ดีเท่าไรนัก ค่าบริการคิดเป็นรายเดือนประมาณ $14.95 แรกเริ่มยังคงจำกัดการให้บริการในเฉพาะสหรัฐฯ ทั้งสองค่ายจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน E3 นี้ ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรจะกลับมารายงานให้ทราบต่อครับ

ข้อมูล: Onlive, Gaikai blognone

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

4G เรื่องนี้ที่หลายคนอยากรู้


ในบ้านเราตอนนี้ กทช. กำลังพูดถึงการเปิดประมูล 3G ที่ตอนนี้ถูกอัพเกรดขึ้นเป็น 3.9G ไปแล้วนั้น แต่ในสหรัฐอเมริกา คำว่า 4G นั้นกลายเป็นคำพูดสามัญประจำเครือข่ายของหลาย ๆ ค่าย ที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น AT&T และ Horizon ที่หนุนหลัง และผลักดัน เทคโนโลยี 4G LTE ในขณะที่ Sprint ค่ายสื่อสารยักษ์ใหญ่อีกรายกลับไปให้ความสำคัญกับ WiMax ซึ่งไม่ว่าจะค่ายไหนก็ตาม ต่างคนต่างกำลังพยายามอัพเกรดโครงข่ายของตัวเองให้รองรับระบบ 4G ในรูปแบบของตัวเอง ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายโครงข่าย 4G ได้ทั่วประเทศภายใน 2 ปีข้างหน้า ถึงแม้ในความเป็นจริง ถนนจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป และมีอะไรที่จะต้องฝ่าฟัน และ พัฒนาอีกมากสำหรับทุกค่ายผู้ให้บริการ

ตกลง 4G มันคืออะไร?

จริง ๆ แล้ว คำว่า 4G ก็คือคลื่นลูกที่ 4 ของโครงข่ายโทรคมนาคมไร้สายความเร็วสูง ซึ่งถ้าจะแบ่งเทคโนโลยี ก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ก็คือ LTE และ WiMax ซึ่งไม่ว่าจะเทคโนโลยีใดก็ตาม จะต้องสามารถส่งผ่านข้อมูล ภาพ เสียง ได้เร็วกว่าระบบ 3G ที่ใช้กันอยู่ประมาณ 10 เท่า ซึ่งจะทำให้สิ่งที่ไม่เคยทำได้บนโทรศัพท์มือถือสามารถเกิดขึ้นจริงได้ และจะทำให้โทรศัพท์มือถือ หรือ Smart Phone ของเรา สามารถทำงานเข้าใกล้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเข้าไปทุกที

ในสหรัฐอเมริกา ค่ายมือถือที่เป็นผู้นำในการพัฒนาโครงข่าย 4G ก็ได้แก่ AT&T, Horizon, และ Sprint ซึ่งสองค่ายแรกนั้น พัฒนาโครงข่ายตัวเองตามมาตรฐาน 4G LTE ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย ความร่วมมือของผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือหลายค่ายร่วมกันเป็น consortium บนพื้นฐานของ CDMA/HSPA ส่วน WiMax นั้นถูกพัฒนามาบนพื้นฐานของระบบ WiFi หรือบางครั้งถูกเรียกว่า Super WiFi โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตรฐานนี้ก็คือ IEEE ถึงแม้ว่าทาง ITU (International Telecommunication Union) จะเคยกล่าวว่า
WiMax นั้นเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เป็นตระกูลเดียวกับ 3G แต่ทุกอย่างก็อยู่ที่คำจัดความของ 4G ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็วในการรับส่งข้อมูล การเคลื่อนที่ขณะรับส่งข้อมูล หรือ ตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่น ๆ ถ้าทั้งสองค่ายสามารถยืนยันได้ว่าเทคโนโลยีของตนนั้นผ่านเกณฑ์ที่เรียกว่า 4G ได้ ก็ถือว่าใช้ได้

แล้ว 4G มันจะเร็วแค่ไหน?

ในทางทฤษฎีแล้ว 3G จะต้องสามารถทำความเร็วในการส่งข้อมูลได้ที่ 2 Mbps แต่ในความเป็นจริงความเร็วสูงสุดที่ทำได้ก็น่าจะอยู่แค่ 500 kbps ถึง 1.5 Mbps เท่านั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เราอยู่ จำนวนผู้ใช้งานใน Cell Site นั้น ๆ สำหรับ WiMax นั้นโดยพื้นฐาน
สามารถทำความเร็วได้ถึง 6 Mbps ดาวน์โหลด หรือ 1 Mbps อัพโหลด แต่ในทางเทคนิคสามารถอัพเกรดความเร็วได้สูงอีกมาก
ถึงขนาด 100 Mbps ดาวน์โหลด และ 50 Mbps อัพโหลดกันเลยทีเดียว แต่นั้นก็คือทฤษฎีเท่านั้น

ในการที่จะมองเห็นภาพความเป็นจริงของ 4G เราจะเอาผลการทดสอบของ Sprint WiMax กับโครงข่าย Verizon LTE 4G มาลองพิจารณากันดู โดยผู้ทดสอบในครั้งนี้ก็คือ PC World จากการทดสอบโครงข่ายของ Sprint โดยใช้เครื่อง HTC EVO 4G ที่รองรับเทคโนโลยี WiMax พบว่า ความเร็วสูงสุดที่ทำได้นั้นไม่เคยเกิน 3 Mbps ในขณะที่โครงข่าย LTE ของ Verizon นั้นสามารถทำความเร็วได้ในระดับที่ดีกว่าคือ 5-12 Mbps สำหรับดาวน์โหลด และ 2-5 Mbps สำหรับอัพโหลด แต่ผลทดสอบของ Verizon นั้น ทำกันในสภาวะที่ผู้ใช้งานในโครงข่ายยังไม่เต็มพิกัด โดยในความเป็นจริงเมื่อมีผู้ใช้งานมาก ๆ ความเร็วก็อาจต่ำลงได้อีก

ในสหรัฐอเมริกา เราสามารถใช้โครงข่าย 4G ของ Sprint WiMax ได้แล้วในหลายรัฐ อย่าง Seattle, Baltimore, Chicago และ Dallas ส่วนที่ San Francisco และ New York คาดว่าจะใช้ได้ในปลายปีนี้ ก่อนจะขยายไปทั่วประเทศภายในสองปี

ถ้าจะใช้ 4G ต้องเปลี่ยนเครื่องไหม?

ถ้าจะใช้โครงข่าย 4G เราต้องเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์เป็นรุ่นที่รองรับ 4G อย่างตอนนี้ที่มีใช้ในสหรัฐอเมริกาก็ได้แก่ HTC Evo ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้ Android OS และมีหน้าจอแบบทัชสกรีนขนาด 4.3 นิ้ว กล้องหน้า หลัง เพื่อการทำ VDO Conference มีพอร์ต HDMI โดยราคาอยู่ที่ 200 เหรียญสหรัฐ พร้อมกับต้องทำสัญญาต่อเนื่อง 2 ปี แถมยังมีการคิดค่าบริการโครงข่าย 4G เริ่มอีก 10 เหรียญ
ต่อเดือน สำหรับคนที่ใช้โครงข่าย 4G แต่สำหรับคนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนเครื่อง ก็สามารถใช้โครงข่าย 3G ได้ตามปกติ โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 10 เหรียญต่อเดือนนี้

ทาง Verizon นั้นคาดการไว้ว่าน่าจะมีผู้ใช้งาน 4G เพิ่มขึ้นถึง 100 ล้านคน ภายในปี 2013 และคาดว่าจะ ณ. เวลานั้น จะสามารถมีเครื่อข่าย 4G ครอบคลุมทั่วประเทศได้ ข้อสังเกตุที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของ iPhone 4G ที่กำลังจะออกมาสู่ตลาดเร็ว ๆ นี้ ซึ่งทาง Apple เองนั้นคงต้องพยายามทำให้มันสามารถเชื่อมต่อกับโครงข่าย 4G ของ Sprint ให้ได้ มันถึงจะเรียกว่า 4G ได้เต็มรูปแบบ เพราะผู้ให้บริการรายอื่น ๆ นั้น ยังมีการให้บริการในบางพื้นที่เท่านั้น และไม่ครอบคลุมเท่ากับ Sprint นั่นหมายความว่า ถ้า Apple ไม่ทำเครื่องพิเศษที่รองรับ 4G แบบ Sprint WiMax แล้วก็คงต้องรอกันอีกเป็นปี ๆ ก่อนที่ iPhone 4G จะได้ใช้โครงข่าย
4G ในสหรัฐ

ความคืบหน้าของ 4G เป็นอย่างไรบ้าง?

ในสหรัฐขณะนี้ มีผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยักษ์ใหญ่ 3 รายที่มีศักยภาพที่จะดำเนินการระบบ 4G แต่ถ้านับถึงความพร้อมที่สุดในขณะนี้คงต้องยกให้ Sprint 4G (WiMax) ที่ในขณะนี้ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด คือ 36 เมืองใหญ่ในสหรัฐ และคาดว่าจะครอบคลุมเมืองใหญ่ทั้งหมดได้ภายในปีนี้

สำหรับ AT&T คาดว่าจะมีการเริ่มโครงการทดสอบในปีนี้ และเทคโนโลยีที่จะใช้ก็คือ LTE ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในบางส่วนในปี 2011 แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะครอบคลุมในส่วนใดบ้าง

Verizon เป็นอีกรายหนึ่งที่เดินหน้าโครงข่าย 4G ใน Boston และ Seattle มาตั้งแต่ปี 2009 และตามแผนจะเปิดให้บริการ 4G ได้ใน 30 เมืองใหญ่ภายในปีนี้ และคาดว่าจะสามารถรองรับผู้ใช้ได้ประมาณ 100 ล้านคน ในปี 2013 โดยคาดว่าจะกระจายโครงข่าย 4G ไปทั่วประเทศในที่สุด

สำหรับผู้ให้บริการที่เล็กลงมาอีกนิดก็คือ T-Mobile ดูจะไม่รีบร้อนกับการเข้าสู่ตลาด 4G เพราะขณะนี้อยู่ในระหว่างการอัพเกรดโครงข่าย 3G เดิมให้ขึ้นมาเป็น 3.5G หรือ HSPA+ ที่บ้านเราเรียกกันว่า 3.9G โดยทาง T-Mobile คาดว่าจ HSPA+ จะสามารถเปิดให้บริการใน Los Angeles และ เมืองใหญ่ ๆ ของสหรัฐได้ภายในปีนี้ ดังนั้นถ้าจะพูดถึง 4G นั้นก็คงจะอีกนาน

MetroPCS คืออีกค่ายหนึ่งที่กำลังจะเดินหน้าโครงการ 4G ในบางเมือง โดยจะใช้เทคโนโลยี 4G LTE ที่ร่วมพัฒนาอุปกรณ์กับ Samsung โดยใช้ชื่อรุ่นคือ SCH-r900 โดยจะใช้ CPU 624 MHz มี RAM ขนาด 128 MB และจอภาพสัมผัสขนาด 3.2 นิ้ว ที่ใช้ระบบปฏิบัติการของ Windows Mobile 6.1 แต่ในขณะนี้ก็มีเพียงรุ่นเดียวที่จะสามารถใช้โครงข่าย 4G ได้จริง
โดยเมืองแรกที่จะมีโอกาสใช้โครงข่าย 4G ของ MetroPCS ก็คือ Las Vegas

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

'ทรู' คลายทุกข์คนกรุง ออกแอพพลิเคชัน เช็คจราจรเรียลไทม์

 ต่อยอดจากนักพัฒนาแอพพลิเคชัน จากโครงการ ทรู แอพ เซ็นเตอร์ ผนึกกำลังเนคเทค-ทริพเพิล ไอ เปิดตัว Traffy รายงานสภาพจราจรทั่วกทม. ผ่านไอโฟน เอื้อประโยชน์ในการตรวจสอบและวางแผนเส้นทาง...

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค และบริษัท ทริพเพิล ไอ จีโอกราฟฟิก จำกัด เปิดตัวแอพพลิเคชันรายงานสภาพการจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร "Traffy” บนไอโฟน ช่วยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถตรวจสอบสภาพจราจรและวางแผนการเดินทางได้ดียิ่งขึ้น โดยแอพพลิเคชันดังกล่าวสามารถรายงานสภาพจราจรได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ใช้สามารถวางแผนการเดินทางและหลีกเลี่ยงเส้นทางที่การจราจรติดขัดได้ เพียงดูจากฟีเจอร์การรายงานหลากหลายรูปแบบ อาทิ ป้ายจราจรอัจฉริยะ 40 ป้าย ภาพเคลื่อนไหวจากกล้อง CCTV ที่ติดตามสภาพจราจรกว่า 100 ตัวบนถนนและแยกต่างๆ ทั่วกทม.

โดยรายงานจราจรด้วยแผนที่ 3 มิติ พัฒนาโดยฝีมือคนไทย ทั้งยัง เพิ่มลูกเล่นให้ผู้ใช้สามารถเห็นสภาพจราจรบริเวณสำคัญได้รอบทิศทาง หรือเลือกดูแผนที่แบบ 2 มิติ ผ่าน Google Map นอกจากนี้ ยังมี iShare ฟีเจอร์ล่าสุด ออกแบบให้ผู้ใช้งานสามารถแบ่งปันข้อมูล ข่าวสาร รายงานสภาพจราจร หรือเหตุการณ์ต่างๆ บนท้องถนน โดยส่งได้ทั้งแบบข้อความและภาพถ่าย ถือเป็นคอมมูนิตี้สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน ที่สามารถแบ่งปันข้อมูลจราจรผ่านมือถือได้เป็นครั้งแรก

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บอร์ดกทช.ยึดมติเดิมโทรใน-นอกเครือข่ายราคาเดียว

มติบอร์ดกทช. ยืนยันโทรใน-นอกเครือข่าย ใช้อัตราค่าบริการเท่ากัน ไม่มีผลย้อนหลัง หวั่นผู้บริโภคสับสน ขณะที่เตรียมให้โอเปอเรอเตอร์ชี้แจงความเข้าใจลูกค้าถึงโปรโมชั่นที่ทำออกไปก่อนหน้า ก่อนจะใช้ได้ถึงวันที่ 31 ส.ค. เพราะวันที่ 1 ก.ย. นัมเบอร์พอร์ท ประกาศใช้

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ รักษาการเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. กล่าวว่า ภายหลังคณะกรรมการ (บอร์ด) ประชุม ก็ยังคงยืนยันตามมติเดิมในกรณีให้ผู้ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ กำหนดค่าบริการโทรศัพท์ภายในเครือข่าย หรือ ออนเน็ต (On net) และโทรศัพท์ภายนอกเครือข่าย หรือ ออฟเน็ต (Off net) ในอัตราค่าบริการที่เท่ากัน โดยจะไม่มีผลบังคับย้อนหลัง ทั้งนี้ หากโอเปอเรเตอร์ายใดขายโปรโมชั่นไปแล้ว ก็ให้มีผลถึงแค่วันที่ 31 ส.ค. 2553 หากเป็นโปรโมชั่นที่คิดไว้ถึงสิ้นปี 2553 โอเปอเรเตอร์ก็ต้องยกเลิกให้อยู่ภายในสิ้นเดือนส.ค.2553

รักษาการเลขาธิการ กทช. กล่าว ต่อว่า วันนี้เท่าที่เรียกโอเปอเรเตอร์มาคุย บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอสก็พร้อมทำตาม ขณะที่ บริษัท บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ยังไม่เห็นด้วย ส่วน บริษัท ทรูมูฟ จำกัด บอกว่า ให้ไปดูต้นทุนอินเตอร์คอนเน็ตชั่นชาร์จ หรือ ไอซี ให้ชัดเจนก่อน โดยกทช. ก็รับไว้พิจารณา อย่างไรก็ตาม หากโอเปอเรอเตอร์รายใดไม่เห็นด้วย ก็ต้องทำเรื่องอุธรณ์มาที่ กทช. เพื่อเสนอบอร์ด แต่ถ้าบอร์ดให้เป็นไปตามเดิม โอเปอเรเตอร์ก็ต้องไปฟ้องศาลปกครองเอง

นายฐากร กล่าวต่อว่า การที่บอร์ดมีมติให้อัตรการโทรเท่ากัน เพราะจะต้องรองรับการเปิดให้บริการคงสิทธิเลขหมาย หรือนัมเบอร์พอร์ตทิบิลิตี้ โดยจะเริ่มประกาศใช้ในวันที่ 1 ก.ย. 2553 นี้ หากโทรใน-นอกเครือข่ายยังใช้อัตราไม่เท่ากัน อาจทำให้ลูกค้าเกิดความสับสนได้ เพราะจะต้องมีการปรับย้ายโครงข่ายกันมากมาย อย่างไรก็ตาม ในส่วนการกำหนดอัตราค่าโทรให้เท่ากันนั้น ให้โอเปอเรเตอร์ไปตกลงราคาระหว่างกันเอง โดยส่วนใหญ่ตกลงกันไว้ที่ 1 บาท

ด้านพ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. ในฐานะประธานคณะกรรมการ 3จี กล่าวว่า การยกเลิกมติกทช.เมื่อวันที่ 28 เม.ย.53 ที่ให้ผู้ประกอบการกำหนดอัตราค่าบริการออนเน็ต ออฟเน็ต ในอัตราที่เท่ากัน ทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมติดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามกฎหมายที่ระบุไว้ชัดเจน ว่าบริการประเภทเดียวกันราคา เป็นเรื่องที่ต้องยึดเป็นหลักปฎบัติ ดังนั้นการแก้มติเป็นเรื่องที่เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

กรรมการ กทช. กล่าวต่อว่า มุมมองของกทช.ต่อการออกมติดังกล่าวไป เนื่องจากการคิดค่าบริการ ออนเน็ต ออฟเน็ตที่แตกต่างกันทำให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้เปรียบผู้ประกอบการรายเล็ก เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถทำโปรโมชั่นให้ลูกค้าใช้งานออนเน็ต มากกว่า ออฟเน็ต โดยการใช้ข้อได้เปรียบจากจำนวนลูกค้า และเครือข่ายที่มีมากกว่า ส่วนรายเล็กจะสามารถไม่สามารถทำโปรโมชั่นลักษณะดังกล่าวได้เพราะลูกค้า และเครือข่ายมีด้อยกว่ามาก

พ.อ.นที กล่าวอีกว่า ความคิดเห็นที่ได้จากผู้ประกอบการทุกรายนั้นจะนำมาประกอบการตัดสิน ใจแต่จะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงมติดังกล่าว ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการมีปัญหาเรื่องต้นทุนค่าอินเตอร์คอนเน็ตชั่นชาร์จ หรือไอซี ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ตกลงค่าไอซีกันที่นาทีละ 1 บาท ดังนั้นการคิดค่าบริการออนเน็ต ออฟเน็ตจะต้อง ไม่น้อยกว่าต้นทุนดังกล่าวทำให้ค่าบริการเพิ่มขึ้น กทช.เห็นว่ามีทางแก้ไขด้วยการกลับไปทบทวนต้นทุนค่าไอซีใหม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน

กรรมการ กทช. กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา กทช.มีมติระงับข้อพิพาทระหว่างดีแทค และ บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด โดยให้ใช้ค่าไอซีระหว่างกันที่ นาที 0.50 บาท ดังนั้นต้นทุนค่าไอซีที่แท้จริงอาจจะต่ำกว่าค่าไอซีที่เอกชนส่วนใหญ่ ตกลงใช้อยู่ในปัจจุบันก็ได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมติยกลงค่าบริการออนเน็ต ออฟเน็ต เรียบร้อยแล้วผู้ประกอบก็ยังสามารถจัดทำโปรโมชั่น เพื่อส่งเสริมการขายได้ โดยการทำโปรโมทชั่นจะต้องไม่คิดค่าบริการออนเน็ต และออฟเน็ตต่างกัน เช่น ออกโปรโมทชั่น โทร 1 นาทีแถม 1 นาที และโปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์ โดยไม่แบ่งออนเน็ต ออฟเน็ต เป็นต้น

ภูทับเบิก ดอยกะหล่ำปลี เพชรบูรณ์

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

เซิร์ฟเวอร์เครื่องแรกของประเทศไทย ที่ใช้ CPU Intel Atom รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7 พร้อมประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น

อัสซุสส่ง ASUS Home Server TS mini เซิร์ฟเวอร์เครื่องแรกของประเทศไทยที่ใช้ CPU Intel Atom ช่วยจัดการข้อมูลได้อย่างง่ายดาย ด้วยหน่วยความจำ DDR ขนาด 2GB รองรับ Gigabit Ethernet เนื้อที่เก็บข้อมูลสุงสุด 4TB พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ขนาด 500GB พอร์ต USB 6 ช่อง และพอร์ต eSATA 2 ช่อง ซึ่งเป็นจำนวนอินเทอร์เฟซ I/O ที่มากที่สุดบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ พร้อมระบบปฎิบัติการ Window Server Home Edition ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสำรองไฟล์ การทำ Synchronize และจัดการไฟล์ผ่านอุปกรณ์ต่างๆได้ง่าย อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Remo
te Access ช่วยให้ผู้ใช้งานที่อยู่นอกบ้านสามารถเข้าถึง TS mini และข้อมูลภายในเครื่องผ่าน Windows Live หรือแม้แต่การโหลดและเล่นเพลงและมัลติมีเดียต่างๆก็สามารถทำได้ผ่านการเชื่อมต่อออนไลน์

นอกจากนี้ ASUS Home Server TS mini ยังสามารถเพิ่มความปลอดภัยได้ด้วยการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านได้ง่ายๆด้วยการเชื่อมต่อกล้อง IP เข้ากับ TS mini โดยเมื่อเข้าระบบออนไลน์แล้ว ผู้ใช้จะสามารถดูภาพได้จากสัญญาณสดหรือคลิปวิดีโอที่บันทึกได้เมื่อไม่อยู่บ้าน เป็นการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยภายในบ้านได้อีกด้วย ด้านพลังงานด้วยการใช้ไฟฟ้าเพียง 24.5W เมื่อทำงานในโหมด Idle และ 27.9W ในระหว่างปฏิบัติการ ทำให้ TS mini เหมาะแก่การใช้เป็นศูนย์กลางข้อมูลที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

มองหา ASUS Home Server TS mini เซิร์ฟเวอร์ที่มอบสุดยอดประสิทธิภาพและความปลอดภัย ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอัสซุสทั่วประเทศ
ที่มา http://technology.impaqmsn.com

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

แอปเปิลอาจไม่ใช้ชื่อ iSlate แต่ใช้ iPad แทน...

ดูเหมือนว่า iSlate อาจจะไม่ใช่ชื่อของ Tablet ใหม่ของแอปเปิลก็ได้ เมื่อ MacRumors รายงานว่าได้พบหลักฐานเกี่ยวกับการใช้เครื่องหมายการค้า iPad ของแอปเปิล โดย "iPad" นี้นั้นได้ถูกยื่นจดทะเบียนไว้โดยแอปเปิลเมื่อประมาณกลางปีที่แล้วในประเทศแคนาดา ซึ่งใหม่กว่าเครื่องหมายทางการค้า iSlate ที่ถูกจดไว้ตั้งแต่ปี 2006-2007

นอกจากนี้แล้ว ชื่อเครื่องหมายทางการค้า iPad นี้ก็ยังได้ถูกยื่นจดทะเบียนในยุโรปและฮ่องกงอีกเช่นกัน แต่คราวนี้บริษัทที่ได้ทำการจดชื่อ iPad นั้นกลับเป็นบริษัทชื่อ IP Application Development LLC โดยบริษัทเดียวกันนี้ได้ทำการยื่นขอเครื่องหมายทางการค้า iPad ในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ด้วยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้

แต่ในตอนนี้ ยังไม่มีใครมีหลักฐานที่จะสามารถยืนยันได้ว่า บริษัท IP Application Development LLC มีความเกี่ยวข้องกับแอปเปิลอย่างไร แต่หากมาดูเรื่องระยะเวลาในการยื่นขอเครื่องหมายทางการค้าของบริษัทนี้ มันก็ไม่ยากที่เดาได้ว่าบริษัทนี้น่าจะเป็นนอมินีให้กับแอปเปิล คล้าย ๆ กับบริษัท Slate Computing LLC ที่แอปเปิลเคยใช้ในการจดชื่อ iSlate เมื่อปี 2007

ที่มา - MacRumors blognone

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

ไมโครซอฟท์ยังไม่ฟ้อง Ylmf OS ที่เลียนแบบส่วนติดต่อผู้ใช้วินโดวส์เอ็กซ์พี

เมื่อสัปดาห์ก่อนหลายคนคงได้เห็นข่าวที่กลุ่มนักพัฒนาชาวจีนสร้าง Ubuntu distribution ชื่อ Ylmf OS โดยเลียนแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ของวินโดวส์เอ็กซ์พี (ดูรูปได้จากที่มา) หลายคนคิดว่าไมโครซอฟท์คงจะรีบฟ้องกลับอย่างรวดเร็ว แต่ไมโครซอฟท์กลับแจ้งว่ากฏหมายต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ไม่สามารถใช้ได้กับกรณีนี้ ดังนั้นจะขอศึกษากฎหมายปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่ก่อน แต่ไมโครซอฟท์ยังกล่าวอีกว่าเป็นยากที่จะพูดถึงทางเลือกของกฎหมาย เนื่องด้วยมันขึ้นอยู่กับกฎหมายในแต่ละประเทศ (ในที่นี่คือประเทศจีน) และการ implement ของ Ylmf OS เองด้วย

ที่มา: Ars Technica blognone